Mesotherapy คืออะไร
Mesotherapy เป็นเทคนิค ที่ใช้ในการฉีด วิตามิน เอนไซม์ ฮอร์โมน สารสกัดจากพืช เพื่อฟื้นฟู กระชับผิว และกำจัดไขมันส่วนเกิน
ในปัจจุบัน Mesotherapy ใช้ประโยชน์ได้ ดังนี้คือ
- กำจัดไขมันในบริเวญต่าง ๆ เช่น ท้อง ต้นแขน ใบหน้า
- ลด เซลลูไลท์
- ลด รอยย่น และรอยตีนกา
- ทำให้ผิวเหี่ยวย่น กระชับ
- ปรับรูปทรงร่างกาย
- ลดจุดด่างดำที่ผิว
- รักษาผมร่วง
เทคนิค คือการใช้เข็มที่เล็กมากฉีดเข้าไปที่ผิวหนังชั้นกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐาน ของการไหลเวียนที่ไม่ดี และการอักเสบ ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ ผิวหนังถูกทำลาย
ไม่มีสูตรมาตรฐานสำหรับการฉีดเมโส แพทย์มักจะใช้เมโสในการรักษาอาการต่างๆ รวมทั้ง
- ยาตามใบสั่งแพทย์ เช่น ยาขยายหลอดเลือด และยาปฎิชีวนะ
- ฮอร์โมน ต่างๆ
- เอนไซม์ ต่างๆ เช่น คอลลาเจน ไฮยารูโรนิก
- สารสกัดจากสมุนไพร
- วิตามิน และเกลือแร่
ต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อจะต้องทำ เมโส
อย่าแรกเลยคือ เราต้องคุยกับแพทย์ที่จะทำการรักษาก่อน ควรหลีกเลลี่ยงยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดกลุ่ม N-SAID หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะทำการรักษา เพราะยาแก้ปวดกลุ่มนี้ จะเพิ่มความเสี่ยง ในการตกเลือด และฟกช้ำ ในระหว่างการทำเมโส
จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการรักษาของคุณ
ในการรักษาแต่ละครั้ง คุณจะได้รับการฉีดยาหลายๆเข็ม โดยใช้เข็มสั้นๆ โดยในการฉีด จะฉีดที่หลายระดับความลึก ซึ่งประมาณ 1 – 4 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับการรักษาว่ารักษาอาการอะไร โดยแพทย์อาจทำการฉีดหลายมุม และฉีดเร็วๆถี่ โดยในแต่ละการฉีดจะฉีดยาเพียงปริมาณน้อยๆ เท่านั้น
คุณอาจจะต้องทำเมโสหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลการรักษาตามที่ต้องการ โดยประมาณ 3 -15 ครั้ง ในครั้งแรกๆ อาจาต้องทำทุก 7-10 วัน ถ้าผิวคุณเริ่มจะดีขึ้น อาจจะทำห่างขึ้นเป็น ทุกๆ สองสัปดาห์ หรือ หนึ่งเดือน
ถ้าเทียบกับการดูดไขมัน ?
เมโส คือการรักษาโดยไม่ผ่าตัด เป็นทางเลือกในการกำจัด ไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการเท่านั้น ส่วนการดูดไขมัน เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินแบบถาวร ซึ่งเหมือนเป็นการผ่าตัดเล็ก คนไข้อาจต้องทำการรมยาสลบ แม้ว่าการดูดไขมันจะดูมีประสิทธิภาพในการกำจัดไขมันส่วนเกินถาวรมากกว่า แต่ก็พบว่ามีผลข้างเคียงจากการรักษามากกว่าเช่นกัน เช่นการติดเชื้อ การที่เส้นเลือดเส้นประสาท เสี่ยงต่อการถูกทำลาย อีกทั้งยังมีราคาแพงกว่า
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงในการทำ เมโส
การฉีดเมโสมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงต่ำมากถ้าได้รับการฉีดจากผู้เชี่ยวชาญ โดยมากผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ คลื่นไส้ เจ็บปวดบริเวณี่ฉีด อาการคัน รอยแดง ช้ำ ผื่น การติดเชื้อ รอยแผลเป็น เป็นต้น
ควรพักรักษาตัวหลังจากการฉีดหรือไม่
เนื่องจากเป็นการรักษาที่ไม่ลุกลาม ปกติหลังการรักษาจะสามารถทำกิจกรรมได้เป็นปกติทันที หรืออย่างมากอาจพักรัษาตัว 1 วันเนื่องจาก มีอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีด
สรุป
การฉีดเมโส เป็นการรักษาทางเลือกชนิดหนึ่ง ในการนำยาเข้าสู่เซลล์ โดยการฉีดในระดับความลึกต่างๆ ซึ่งมีผลข้างเคียงในการรักษาที่ไม่มาก สามารถเลือกใช้ร่วมกับ ทรีทเม้นท์ ชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
ขอบคุณข้อมูลจาก Website http://www.healthline.com
สามารถพบกับโปรโมชั่น เมโส ดีๆราคาไม่แรงได้ที่ http://www.thezapclinic.com/โปรโมชั่น